ถือกำเนิดปฐมบทพระเครื่องชุดเบญจภาคี พระเบจภาคี คือชุดพระเครื่องที่มีทั้งหมด 5 ชิ้น ซึ่งถือเป็นความปรารถนาสูงสุดของนักสะสมพระพร ชุดนี้เกิดขึ้นจากความคิดของ “พล. (พิเศษ) ประจันทร์ กิตติประวัติ” ผู้เคยเป็นนายทหารที่ถูกจ่ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานบัญชาการทหารบก หรือ “ทรียามพวาย” และเริ่มสร้างชุด เบญจภาคี ในปี พ.ศ.2495 ซึ่งประกอบด้วย พระสามองค์เท่านั้น ‘พระสมเด็จ’ วัดระฆังโฆสิตารามที่เป็นประมุขทางด้านซ้ายและขวามือคือ ‘พระนางพญา’ จังหวัดพิษณุโลก และพระรอด จังหวัดลำพูน จากนั้นจึงได้ผนวกเพิ่ม พระกำแพงซุ้มกอ ของจังหวัดกำแพงเพชร และพระผงสุพรรณ จังหวัดสุพรรณบุรี เข้ามาเพิ่มเป็นชุดเบญจภาคี ซึ่งทำให้เป็นพระที่สุดยอดที่สุดในหมู่พระบูชาของนักสะสมพระเครื่องทั่วฟ้าเมืองไทย จากเพียงแค่ค่านิยมแค่หลักพันบาท ทะยานสู่ราคาหลักล้านถึง 10 ล้านในปัจจุบันนี้
ซึ่ง พระเบญจภาคี จัดได้ว่าเป็นสุดยอดพระเครื่องของเมืองไทยซึ่งเป็นที่นิยมและเป็นที่ค้นหาของเซียนพระมากมาย จึงทำให้นักเรียนพลาดทุกรุ่นทุกสมัย ได้หามาสะสม และพุทธคุณเป็นที่สุดยอด ผู้ใดได้ครอบครองเป็นเจ้าของ ซึ่งจะเปรียบล้นด้วยวาสนาและบารมีมากมาย ประกอบด้วย

จัดได้ว่าเป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่อง และเป็นสุดยอดพระเครื่องตลอดกาล พระสมเด็จวัดระฆังนี้ พุทธคุณครอบจักรวาล เมตตามหานิยม หนุนดวงชะตา บุญฤทธิ์แก่นกล้า โชคลาภบารมี คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย ดีและมีพุทธคุณทุกรอบด้าน ใครที่ได้ครอบครองจะรุ่งเรืองและไม่มีวันตกต่ำ จึงเป็นที่หมายปองของบรรดาเซียนพระหลากหลายทั่วเมืองไทยอยากได้มาครอบครอง เพื่อวาสนาและบารมีแก่ตนเอง โดยอดีตมีเรื่องเล่า เมื่อครั้งที่สมเด็จโต เดินทางไปเยี่ยมญาติที่กำแพงเพชร และได้พบเจดีย์โบราณของจังหวัดกำแพงเพชร 3 องค์อยู่ที่นครเก่า และท่านได้นำผงจารึกและผงบางส่วนมาจัดสร้างซึ่งเป็นที่มาของพระซุ้มกอ

รืออีกนามเรียกว่าพระรอดหลวง หรือพระรอด ลำพูน ที่ประดิษฐานที่วัดมหาวัน จังหวัดลำพูน ซึ่งตำนาน พระรอด ได้กล่าวไว้ว่า สร้างเมื่อ 1,000 ปีที่แล้วในสมัยทวาราวดี สมัยที่พระนางจามเทวี ปกครองเมืองหริภุญชัย และพระนางทรงโปรดเกล้าสร้างพระอารามสถาปัตย์ชื่อ จตุพุทธ ปราการ หรือ วัดมหาวัน ขึ้น จึงดำริทรงสร้างพระเจดีย์ไปพร้อมกัน และครั้งนี้ได้บรรจุ พระรอด ไว้ โดยพระสุมณานารมะฤาษี เป็นผู้สร้าง และมีการค้นพบเจอครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี 2435 ในครั้งที่เจดีย์ใหญ่ของวัดมหาวันชำรุด และมีการรื้อเพื่อปฏิสังขรณ์ และครั้งนั้นจึงได้ค้นพบพระรอด ใต้กุฏิพระในวัดอีก 300 องค์ พุทธคุณของพระรอดนั้นเน้นไปในด้าน มหาเสน่ห์เมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพันชาตรี ร่ำรวยทรัพย์ อุดมโภคทรัพย์ เด่นด้านแคล้วคลาดปลอดภัย

ได้เป็นหนึ่งในชุดพระกรุ ทุ่งเศรษฐี สร้างจากเนื้อดินผสมว่าน หรือ เกสรดอกไม้ พระซุ้มกอ มีจำนวน 5 พิมพ์ มีพุทธคุณหลากหลายครบเครื่องรอบด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม หรือด้านโชคลาภ จึงมีคำพูดติดปากมาตั้งแต่โบราณว่า มีกูแล้วมึงไม่จน ประกอบกับพระกำแพงซุ้มกอ ได้จัดอยู่ใน 1 ของ 5 ชุดเบญจภาคี จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักสะสม จึงมีความต้องการสูงของเหล่าบรรดาเซียนพระ จึงทำให้พระซุ้มกอ มีราคาเช่าหากันแพงมาก และหายากมากอีกด้วย

ประวัติเล่าว่ามีคนจีน ปลูกผักอยู่ใกล้บริเวณวัด และลักลอบปีนเข้าไปในวัด จึงพบทองคำเป็นจำนวนมาก รวมทั้งค่าเช่าบูชา แต่เลือกเอาเพียงแค่วัตถุมีค่าเช่นเงินทองและอัญมณี ต่อมาคนในพื้นที่ได้ทราบ จึงลักลอบเข้าไปบ้าง และขณะนี้ก็ได้เอาพระออกมาจนเรื่องไปถึงหูเจ้าเมืองสุพรรณบุรี จึงตั้งคณะทหารเข้ามาตรวจสอบอย่างแจ่มแจ้ง จึงพบพระ พระผงสุพรรณ พระพุทธรูป แผ่นลานทองลานเงิน และบางส่วนที่ยังเหลือ และพุทธคุณของพระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้เป็นที่เรื่องลืมมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งจารึกในใบลานทองที่ได้จากกรุ

ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจาก วัดนางพญา ในคราวปฏิสังขรณ์วัด ซึ่งได้อยู่ไม่ไกลจากวัดรัตนมหาธาตุของเมืองพิษณุโลก ในอดีตวัดนางพญามีพื้นที่ติดกับวัดราชบูรณะ เป็นวัดที่วัดน้องซึ่งใช้อุโบสถหลังเดียวกัน และผ่านมาซึ่งมีการตัดถนนพิษณุโลกและหล่มสัก จึงแยกกันอยู่คนละฝั่งถนน เมื่อพ.ศ. 2544 รัชกาลที่ 5 ภาคเมืองพิษณุโลก เพื่อหล่อทองพระพุทธชินราชจำลอง ที่วัดนางพญา และคนงานได้ขุดหลุมจึงได้ค้นพบพระกรุจำนวนมาก และได้กล่าวขานเรียกกันต่อมาว่าพระนางพญา และไม่ได้มีเพียงแค่วัดนางพญาเท่านั้นที่ค้นพบพระนางพญา วัดราชบูรณะและตามกรุต่างๆ ก็ค้นพบพระนางพญาด้วยเช่นกัน จึงได้มีการค้นหาและเป็นที่หมายของบรรดาเซียนพระทั้งหลายอีกด้วย